“เอลดิอาโบล”ฟาบิโอ กวาตาราโร่ พอใจยามาฮ่าเร็วขึ้นจากปีที่แล้ว 0.8 วินาที ยอมรับยางฉาบสนามมีส่วนเพิ่มกริป แต่กระเตื้องจากช่องว่างที่แคบลง

“เอลดิอาโบล”ฟาบิโอ กวาตาราโร่ ยอดนักบิดฝรั่งเศสของ Monster Energy Yamaha MotoGP ทำผลงานในวันสุดท้ายในเซปังเทสด้วยการพา Yamaha YZR M1 ขึ้นมารั้งอันดับที่ 3 ด้วยเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด 1.56.724 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่เร็วกว่าการทดสอบที่สนามแห่งนี้เมื่อปีที่แล้วถึง 0.801 โดยกวาตาราโร่พอใจในพัฒนาการดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะนี่คือการเร็วถึงระดับนี้เป็นครั้งแรกของเค้าและยามาฮ่า

ส่วนหนึ่งที่ทำให้รถสามารถไปได้ดีก็คือ ยางที่ฉาบพื้นสนามเอาไว้ในช่วงเทสช่วยให้การยึดเกาะดีขึ้น แต่ในมุมของยามาฮ่าไม่เพียงแต่เร็วขึ้นเท่านั้นแต่สามารถลดช่องว่างจากคู่แข่งให้แคบลงไปได้ นั่นคือมติที่น่าพอใจ ซึ่งกวาราราโร่เปิดเผยว่า ฟิลลิ่งการขับในโค้งรวมถึงการเปลี่ยนทิศทางของรถดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ฟาบิโอ กวาตาราโร่

“.......ผมมีความสุขมาก เวลาต่อรอบที่เร็วที่สุดของผมในการควอลิฟายที่เซปังเมื่อปีที่แล้วคือ 1.57.5** นาที ดังนั้นผมคิดว่าจริง ๆ แล้วช่องว่างที่เราทำได้อาจจะมากกว่า 0.8 วินาที 

สิ่งที่ผมกำลังจะบอกก็คือ ที่เซปังตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปี 2024 เราสามารถยกระดับเวลาได้ 0.6 วินาที แต่ช่วงเวลาจากปี 2024 มาที่ 2025 เราเร็วได้มากขึ้นถึง 0.8 วินาที แน่นอนครับว่าเรามีสิทธิ์ที่จะมีความสุขกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเราต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้ มันเป็นเพียงแค่การทดสอบเท่านั้น แต่มันก็ออกมาดีหน่ะครับ

ในการทดสอบเมื่อปีที่แล้ว ปเกโก้ บัญญาญ่าทำเวลาอยู่ที่ 1.56..6 หรือ 1.56.5 เนี่ยแหล่ะ ซึ่งถือว่าเป็นเวลาต่อรอบที่พวกเค้าทำได้ในปีนี้ ดังนั้นผมคิดว่าเราพอใจกับผลการทดสอบนี้ครับ(หมายถึงสามารถขยับเวลาเข้าหาได้)

การแข่งขันที่นี่เมื่อปีที่แล้วแย่มาก ๆ ครับ ปัญหาอยู่ที่รอบแรกเลยเพราะเราเริ่มต้นสตาร์ทจากตำแหน่งท้าย ๆ แล้วมันก็แซงกันได้ยากมาก ตอนนี้ก่อนที่ผมจะทำเวลาได้ 1.56 เป็นครั้งแรก ผมคิดว่ามันจะลงมาที่เวลานี้ได้ วันแรกที่ผมกับมัสซิโมมาถึงที่มาเลเซีย เราก็แซวกันเล่น ๆ ครับว่าเราจะคว้าเวลา 1.56 แต่ในทุกวันที่ลงสนามเราก็เข้าไกล้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดเราก็ทำได้

รถปีใหม่ล่าสุดนี้มันดูคล้ายกับปีที่แล้วแต่ว่าไม่เหมือนกันครับ โดยพื้นฐานแล้วระบบอิเล็กทรอนิกส์หลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไปกับวิธีการขับของผม เรามีหลาย ๆ อย่างใหม่ ๆ บนรถแข่งของเรา แน่นอนครับมันยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่าว่ามีอะไรใหม่ แต่การลงไปวิ่งและดูเวลาต่อรอบแล้วจะเห็นว่าเราดีขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว

เราสามารถยกระดับฟิลลิ่งการขับช่วงของการเข้าโค้งและการเปลี่ยนทิศทางรถขึ้นมาได้ดีครับ แต่จุดอ่อนของเราคือการยึดเกาะ ที่เซปังตอนเทสกริปดีมาก ๆ คุณจะเห็นได้ที่สนามมีรอยยางสีดำฉาบเอาไว้มากมาย ซึ่งมันช่วยการยึดเกาะ แต่ผมจะไม่พูดว่าเวลาต่อรอบของเรานั้นมันเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ครับ เพราะช่องว่างมันแคบลงจากหัวแถว จาก 1 วินาทีเหลือ 0.3

ผมอยากรู้กับสนามที่มีการยึดเกาะต่ำ เพราะนั่นจะได้รู้จุดที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด คือตั้งแต่ 2022 – 2024 ผมคิดว่าเราสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ทุกปีนะครับ คือไม่ได้นิ่ง แต่ว่าดูคาติรวมถึงคู่แข่งคนอื่นก้าวหน้าเหมือนกัน อาจจะก้าวได้มากกว่าด้วย”

#YamahaThailandRacingTeam #YamahaRacing
#MonsterEnergyYamahaMotoGP #PrimaPramacYamahaMotoGP #MotoGP

Sign
NEXT RACE: Gran Premio GoPro de Aragon