อยู่คาวาซากิเลยมีแต่ธงเขียวไม่มีธงขาวหรืออย่างไรไม่รู้ สำหรับแชมป์โลกเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ 4 สมัยติดต่อกันอย่าง “JR1” โจนาธาน เรย์ กับการต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ ซึ่งฤดูกาลนี้เจ้าตัวเจอกับกระดูกชิ้นใหญ่อย่าง Ducati V4r และตัวขี่พรีเมี่ยมอย่างอัลบาโร่ บาติสต้า ซึ่งหลังการแข่งขันที่เฆเรซถูกทิ้งห่างไปถึง 61 คะแนน อย่างไรก็ดีล่าสุดเรซแรกที่โดนิงตัน เรย์พลิกขึ้นมานำ 9 คะแนนแล้วในตารางคะแนน
กับการข่งขันสนามเปียกเมื่อคืนนี้ อัลบาโร่ บาติสต้าล้มทิ้งแต้มสวนทางกับเรย์ที่คว้าชัยชนะมาได้ การพลิกขึ้นมานำนั้นโจนาธาน เรย์เชื่อว่าการแข่งรถตราบใดที่เกมส์ยังไม่จบทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งการที่เค้าขี่คาวาซากิมาหลายปี จึงมีข้อมูลในการเซ็ทติ้งรองรับกับสถานการณ์ต่างๆ มากกว่าคู่แข่งที่ใหม่ถอดด้ามทั้งคนและรถ
โจนาธาน เรย์
“.....ในรอบแรกผมไม่ได้มองพิทบอร์ด พอรอบที่สองผมเห็นผมก็ได้รู้ว่าผมทิ้งช่องว่างระหว่างผู้ตามได้ ผมขับคาวาซากิมาหลายปีแม้นว่าเราจะไม่ได้แข่งในเรซเปียกบ่อยนักก็ตามแต่เราก็มีข้อมูลเซ็ทติ้งที่ดี ถึงจะในสถานการณ์ครึ่งควบลูกแห้งบ้างเปียกบ้างก็ตาม มันดูเหมือนว่ามันเป็นรถแข่งที่มีความเสถียรมากกว่าในสถานการณ์ที่แปรปรวน สามารถควบคุมให้มันหยุดได้ดีกว่า บาลานท์น้ำหนักตัวให้มันเลี้ยวผ่านโค้งได้ดีกว่า
ในตอนท้ายเกมส์ผมคิดว่าอาจจะผลักดันตัวเองต่อไปอีก ผมต้องการรักษาสมาธิในการขี่เอาไว้เพราะหากผ่อนมันก็ง่ายที่จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ผมจัดต่อเรื่อยๆ จนจบรอบสุดท้าย มันเป็นการแข่งขันที่ยาวนาน มันเป็นอะไรที่ยาวนานมากหลังจากที่เฆเรซ เราตามคู่แข่ง 61 คะแนนและตอนนี้เราขึ้นนำ นี่คือรถแข่งและทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้”
ขอขอบคุณภาพประกอบข่าวจาก www.motociclismo.es
Page/Twitter/YouTube : MOTO GP Thailandfanclub
Web : www.gpthailandfanclub.com
ขอขอบคุณ สิงห์ คอเปอร์เรชั่น ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ การแข่งขันโมโต จีพี
#singha#singhaworldofspeed #singhacorporation#motogp#Singhaworldofspeed2019 #แค่คุณเปิดโลกก็เปลี่ยน