“ท็อปกัน” มาเวอร์ริค วิญญาเลส ได้กลับมาเร่งเครื่องอีกครั้งในวีคเอนท์นี้ที่สนามอารากอน ประเทศสเปน โดยเป็นนักแข่งอพลิเลีย และในวันศุกร์ที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ได้ลงสนามในเซสชั่นจริงครั้งแรกกับตัวแข่ง Aprilia GP – RS ซึ่งเป็นการทำงานและสภาพแวดล้อมแตกต่างจากการทดสอบที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
วิญญาเลสที่ยกระดับเวลาจาก FP1 มา FP2 ด้วยการเร็วขึ้นถึงวินาทีกว่า ๆ ออกมาเปิดเผยว่า ทีมและตัวเค้าไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน แต่เน้นไปที่การทำความเข้าใจและเรียนรู้ตัวแข่งมากกว่า และก็ยืนยันว่ามันแตกต่างกันมากกับ 2 ตัวแข่งสูงเรียงที่เคยขี่มาอย่างรถยามาฮ่าและซูซูกิ
มาเวอร์ริค วิญญาเลส
“.......เป้าหมายเหรอครับ ความจริงก็คือผมไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถก้าวหน้าหรือยกระดับตัวเองต่อไปอีกได้เลยเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย ผมต้องเรียนรู้หลายอย่างในเวลาอันสั้น เรามีเวลาเพียง 40 นาที(ของแต่ละเซสชั่น)ซึ่งนั่นทำให้ทุกอย่างซับซ้อนมาก ในการทดสอบสอบสองเซสชั่น คุณต้องออกไปวิ่ง เลี้ยว เบรก หยุด เปลี่ยนยาง ทั้งหมดในเวลา 40 นาที ทุกอย่างมันเลยกว้างและละเอียดขึ้น ผมยังมีเวลาอีกมากให้ได้ลงสนาม แต่ยังไงก็ตามผมคิดว่าทุกอย่างออกมาดีครับ
ผมยังไม่ต้องการกำหนดเป้าหมายใดใด แค่ต้องการเรียนรู้กับรถแข่งของผมให้ได้มากที่สุด คือ ณ สถานการณ์ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายใดใดนอกจากความรู้สึกที่ดีกับการขับรถคันใหม่ และหากมองที่สถานการณ์นี้ผมคิดว่ามันออกมาดีและผมค่อนข้างพอใจ ด้วยโมเม้นนี้วันเสาร์เราจะเริ่มต่ออีกครั้งเพื่อเดินหน้าต่อ นั่นคือสิ่งที่เป็นบวกที่สุด
ซูซูกิและยามาฮ่าเป็นรถที่ไกล้เคียงกันมาก ไม่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างทั้งสองคัน ทุกอย่างมีคอนเซ็ปท์การทำงานเหมือนกัน แต่ ณ จุดจุดนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป แตกต่างไป แนวทาง(คอนเซ็ปท์รถ)ไม่เหมือนเดิมเลยครับ ดังนั้นเวลานี้เป็นขั้นตอนที่ต้องทำความเข้าใจ ซึ่งผมคิดว่าผมค่อนข้างมีความสุข รู้สึกดีกับการวิ่งใน FP2 กับยางมีเดียม ตอนนั้นผมเห็นศักยภาพที่ดีมาก โดยเฉพาะศักยภาพในการแข่งขัน(เรซ) นั่นคือสิ่งที่เรามองหาในตอนนี้ก่อน จากนั้นค่อยไปว่ากันที่เวลาต่อรอบเร็ว ๆ ”
ขอขอบคุณภาพประกอบข่าวจาก MICHELIN
สิงห์ คอเปอร์เรชั่น ผู้สนับสนุนรายการแข่งขันโมโตจีพี อย่างเป็นทางการ #singha #singhaworldofspeed #singhacorporation #motogp #Singhaworldofspeed2021 #singhamotorsport #singhamotoGP